กระบุง
ชื่อท้องถิ่น: ภาคเหนือเรียกว่า บุง หรือ เพียด
ลักษณะของเครื่องมือ: กระบุง เป็นภาชนะที่จักสานด้วยไม้ไผ่เป็นลวดลายต่างๆ ใช้สำหรับใส่ข้าว ข้าวโพด ถั่วงา ใช้ตวงหรือโกย และใส่ของอื่นๆ ปากมีลักษณะเป็นรูปทรงกลมกว้างประมาณ 30-40 เซนติเมตร ก้นมีรูปทรงสี่เหลี่ยม และมีหูห้อยตรงปากกระบุง 2 ข้างเอาไว้สำหรับร้อยเชือกเพื่อใช้หาบ หรือหิ้ว ขนาดของกระบุงโดยทั่วไปแล้วจะมีอยู่ สามขนาด รูปทรงจะแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของการใช้งาน กระบุงขนาดใหญ่มีหูร้อยเชือกเพื่อใช้หาบ ขนาดกลางใช้ในการตวงหรือโกย และกระบุงขนาดเล็กจะใช้สำหรับงานเบ็ดเตล็ดทั่วๆ ไป
การใช้ประโยชน์:หลังการเก็บเกี่ยว และเก็บรักษา
อธิบายการใช้ประโยชน์: กระบุง เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับตักตวงหรือโกย ข้าว เมล็ดพืช และใส่สิ่งของอื่นๆ ทั้งนี้การใช้ขึ้นอยู่กับขนาดของกระบุงด้วย ซึ่งหากเป็นกระบุงขนาดใหญ่จะใช้สำหรับในการหาบข้าว หรือเมล็ดพืชต่างๆ ถ้าเป็นขนาดกลางจะใช้สำหรับในการตวง หรือโกยข้าว แต่ถ้าหากเป็นกระบุงขนาดเล็กจะนิยมมาใส่ของเบ็ดเตล็ด กระบุงสามารถใช้งานได้ประมาณ 2-4 ปี และนิยมทำกันในท้องถิ่น
“การสานกระบุง”
วัตถุดิบ
1.ไผ่สีสุก สำหรับจักสานเป็นตอก และขอบตะกร้า
2. หวาย สำหรับถักรัดขอบตะกร้า หวายที่นิยมในงานจักสานโดยเฉพาะ "หวายหอม" ที่สำหรับทำเส้นหวายให้มีขนาดตามที่ต้องการ
อุปกรณ์ที่สำคัญ
- มีดโต้หรือพร้า สำหรับผ่า เหลาและจักไม้ไผ่ให้เป็นตอก ขอบปากและไผ่ขัดก้นตะกร้า รวมทั้งส่วนอื่นๆ ที่จำเป็น
- เลื่อยมือ สำหรับตัดผ่าแบ่งไม้
วิธีทำ
ขั้นตอนแรก นำไม้ไผ่มาตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 50 ซม.
ขั้นตอนที่ 2แล้วผ่าแบ่งก่อนจะนำมาจักเป็นตอก โดยเหลาให้ปลายตอกทั้งสองด้านเท่ากัน จากนั้นนำตอกมาสานเป็นลายสองธรรมดา
ขั้นตอนที่ 3 แล้วเหลาไม้ไผ่เป็นซี่สองอันให้ปลายแต่ละด้านแหลมเรียว ก่อนจะนำไปสอดขัดกับตอกที่สานเป็นพื้นเพื่อให้แข็งแรง งานที่ได้ในช่วงนี้คือส่วนของพื้นหรือก้นตะกร้า
ขั้นตอนที่ 4 จากนั้นสานแบบบังคับทิศทางให้เป็นรูปทรงกลมตามแบบที่ต้องการก่อนจะใช้ตอกอีกส่วนหนึ่งไพล่เป็นเส้นเล็กสานขวางขัดกับตอกยืนจนสุดขอบปากตะกร้า ก่อนจะพับปลายตอกยืนให้เขาไปในรอยตอก ทำไปจนรอบใบจะได้ตะกร้าที่สวยงาม
ขั้นตอนที่ 4 จากนั้นสานแบบบังคับทิศทางให้เป็นรูปทรงกลมตามแบบที่ต้องการก่อนจะใช้ตอกอีกส่วนหนึ่งไพล่เป็นเส้นเล็กสานขวางขัดกับตอกยืนจนสุดขอบปากตะกร้า ก่อนจะพับปลายตอกยืนให้เขาไปในรอยตอก ทำไปจนรอบใบจะได้ตะกร้าที่สวยงาม
รูปภาพประกอบ
ด้านล่างกระบุงมีวิธีการทำคล้ายตะกร้า
ปากกระบุงใช้หวายถักรัดให้แข็งแรง
การถักรัดปากกระบุงด้วยหวาย
ชั้นล่างเรียกว่า "ลายหัวแมลงวัน"
ชั้นล่างเรียกว่า "ลายหัวแมลงวัน"
ขอบบนนี่เห็นคือ "ลายจูงนาง"
เมื่อสานพื้นล่างเสร็จแล้วเหลาไม้
ขึ้นมาขัดไว้เพื่อให้แข็งแรง
ขึ้นมาขัดไว้เพื่อให้แข็งแรง
ทำที่จับพร้อมสานหวายทับ
ให้สวยงามและแข็งแรง
ให้สวยงามและแข็งแรง
การสานกระบุง ส่วนใหญ่นิยมสานเป็น "ลายขัด" ไปตามแนวราบยกเส้นหนึ่งกดเส้นหนึ่ง เพื่อให้ตาขัดกันทำต่อเนื่องไปจนได้เป็นแผ่นกว้าง จากนั้นเหลาไม่ไผ่ให้หนาและแข็งกว่าตอก 2 ชิ้น เสี้ยมปลายทั้งสองด้านให้แหลม เพื่อเสียบเข้าไปในผืนตอกที่สานไว้ งานที่ได้ส่วนนี้จะเป็นพื้นกระบุง จากนั้นจึงสานสานต่อไป ระหว่างสานก็ก็จะต้องบังคับให้รูปทรงของพื้นตอกแคบกว้างตามที่กำหนด โดยเฉพาะส่วนที่ขึ้นมาจากพื้นจะบังคับให้ขอบแคบ ส่วนด้านบนจะบังคับให้ปากบานออกไป จากนั้นนำหวายมาเย็บกระบุงเพื่อให้เส้นตอกที่ขัดกันอยู่นั้นหลุดออกมา
การสานขอบภาชนะ
- เริ่มจากผ่าเส้นหวายออกเป็น 4-5 เส้นต่อหนึ่งต้นก่อนจะนำมาเลียดด้วยที่เลียดซึ่งทำอย่างง่ายๆ โดยใช้ตะปูเจาะฝากระป๋องนม เป็นรูขนาดต่างๆ
- เมื่อเลียดจนได้หวายตามที่ต้องการจึงนำมาสานเป็นขอบกระบุง
- การถักสานขอบกระบุง เริ่มจากร้อยเส้นหวายยึดขอบที่ประกบปากกระบุงทั้งด้านนอกและด้านในจากจุด เริ่มต้นวนไปเรื่อยๆ จนชนกัน
- แล้วถักหวายรัดช่วงล่างปากขอบอีกครั้ง เรียกช่วงนี้การถักหวาย "ลายหัวแมลงวัน" ถัดขึ้นมาจะร้อยหวายเป็น "ลายจูงนาง" ให้ด้านหน้าหวายคลุมขอบสันปากกระบุงอย่างสวยงาม
เครื่องจักรสาน ยังป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันของชาวนครไทยและยังมีการทำกันอยู่ในหลายท้องถิ่น ทั้งที่ ทำเป็นอาชีพโดยตรงและทำเป็นอาชีพรองยามว่างจากการทำไร่ทำนา เครื่องจักสานเหล่านี้บางประเภทจะมีลักษณะเฉพาะถิ่น ตั้งแต่วิธีการสาน รูปแบบและประโยชน์ใช้สอย ฃึ่งมีสาเหตุมาจากสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ ประโยชน์ใช้สอยความเชื่อและขนบธรรมเนียมของท้องถิ่น และวิถีชีวิตที่สืบทอดกันมา แต่ในปัจจุบันได้มีเครื่องใช้พลาสติกเข้ามาแทนที่เครื่องจักสานบางชนิดทำให้เครื่องจักรสานค่อยๆหายไปที่ละอย่าง ดังนั้นถ้าไม่มีการฟื้นฟู เครื่องจักสานเหล่านี้อาจหายไปจากสังคมนครไทยก็ได้